วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

ไปดูงานที่สุรินทร์

>>เมืองสุรินทร์ถิ่นมีช้าง<<


สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม

ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน


ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม  


วันที่ 1 กับการนั่งรถที่ง่วงนอนค่ะ วันนี้เพื่อนๆทุกคนตื่นเต้นกับการเดินทาง และกับสิ่งที่จะได้เจอ สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง ก็ตื่นเต้นไม่แพ้เพื่อนๆค่ะ  เพราะยังไม่เคยไปภาคอิสานเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้มีโอกาศได้ไป และได้ไปกับเพื่อนๆซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นความประทับใจที่ควรจดจำค่ะ



บรรยาการ 2 ข้างทาง กับความแห้งแล้งภาคอิสานมีความแห้งแล้งกว่าภาคอื่นๆค่ะ แต่ภาคอิสานเป็นจุดขายของประเทศไทยในเรื่องการทำนาข้าวน่ะค่ะ ถึงจะมีความแห้งแล้งแต่ คนอิสานก็ยังอดทนและต่อสู้ต่อธรรมชาติค่ะ คิดพัฒนาการทำนาข้าวอยู่ตลอดเวลา เห็นไหมค่ะ ถ้ามีความอดทนและมีความขยัน ก็สามารถดำรงชีวิตอย่างมี
ความสุขได้ค่ะ


ถึงจังหวัดสุรินทร์ประมาณ 13.30 น. ทุกคนได้ฟังวิธีการเลี้ยงหมูหลุมและการทำนาข้าวอินทรีย์จาก คุณกัญญา อ่อนสี และคุณ วรพล หมูหลุมตัวเล็กๆน่ารักมากค่ะ หมูหลุมมีประโยชน์มากมายน่ะค่ะ มูลของหมูสามารถนำไปทำปุ๋ยคอก และยาฆ่าแมลงได้ด้วยค่ะ เห็นไหมค่ะว่าความคิดของปราชญ์ชาวบ้านแต่ล่ะคนเก่งมาก

เช้าวันใหม่ของวันที่ 2 ก่อนออกไปดูงาน ทุกคนดูสดชื่น



เดินชมตลาดเขียว ก่อตั้งโดยคุณ กัญญา อ่อนศรี ตลาดเขียวเป็นศูนย์รวมของชาวบ้าน ที่เข้าร่วมโครงการตลาดเขียวกับ คุณกัญญา อ่อนสี โครงการนี้ทำให้ชาวบ้านที่ยากจนได้มีแหล่งอาชีพ ได้นำพืชผักของตนเองออกมาขาย ทำให้ชาวบ้านที่ ยากจน และเป็นหนี้ สามารถปลดหนี้ และดำรงชีวิตโดยการพึ่งพาตนเองได้





การทำเกษตรแบบผสมผสานบ้านพ่อสุวรรณ  กันภัย บ้านพ่อสุวรรณ มีผัก และผลไม้มากมาย ซึ่งพ่อได้ทำการเกษตรแบบผสมผสาน มีการปลูกผัก ไว้กินเองในครัวเรือน ทำให้บ้านพ่อสุวรรณ ไม่ต้องซื้อกับข้าว ทำให้เกิดการประหยัดเงิน ส่วนบ่อน้ำเลี้ยงปลาในสวน
พ่อสุวรรณได้ขุดเองกับมือทุกบ่อ เพื่อเลี้ยงปลา และเก็บน้ำจากหน้าฝนไว้ใช้ในหน้าแล้ง จึงทำให้บ้าน พ่อสุวรรณ กันภัย มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี แต่ที่ภูมิใจกว่านั้นคือ บ้านพ่อสุวรรณ ไม่มีไฟฟ้าใช้ค่ะ เพราะพ่อสุวรรณ อยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง อยู่แบบวิถีชีวิตของคนไทยสมัยโบราณ พ่อสุวรรณ เป็นปราชญ์ชาวบ้านที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดีค่ะ


วันที่ 3 กับการดูงาน บ้านพ่อคำเดื่อง ภาษี  วันนี้ทุกคนจะต้องเดินเพื่อเข้าไปบ้านพ่อคำเดื่องเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างทางร่มรื่นเพราะพ่อคำเดื่องได้ปลูกต้นไม้ไว้ตลอดเส้นทาง วันนี้เพื่อนๆทุกคนต้องเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ ซึ่งมองดูแล้วก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงน่ะค่ะ แต่รับน้ำหนักเพื่อนๆได้หลายคนค่ะ ทุกคนคงตื่นเต้นกับการข้ามสะพานไม้ไผ่ เพราะข้างล่างเป็นน้ำทุกคนก็คงกลัวสะพานจะหัก และตกลงไปในน้ำ แต่สุดท้ายทุกคนก็เดินข้ามไปอย่างปลอดภัยค่ะ





จังหวัดสุรินทร์เป็นถิ่นช้างใหญ่ค่ะ และช้างก็มีความสามารถมากๆ ทั้งการแสดง และการละเล่น ช้างสามารถทำได้ไม่แพ้มนุษย์เลย ทุกคนได้ไปดูช้างแฝดคู่แรกของโลก น่ารักมาก ช้างไทยมีความฉลาด ทำให้ทุกคนที่ไป
ดูงานในวันนี้สนุกและมีความสุขมาก


การทอผ้าไหมของหมู่บ้านทัพไทย ผ้าไหมที่จังหวัดสุรินทร์ มีชื่อเสียงและเป็นแหล่งส่งออกผ้าไหมที่โด่งดังมาก กว่าจะได้ผ้าไหมแต่ละผืนต้องใช้เวลานานพอสมควร บางลายถึงกับเป็นปี แต่คุณค่าและราคาก็เหมาะสมและคุ้มค่ากับระยะเวลาที่เหนื่อยกับการทอผ้าค่ะ



วันนี้เป็นวันที่ 4ของการไปศึกษาดูงานทุกคนดีใจมากที่จะได้กลับบ้านแต่ก่อนกลับได้แวะดูโบราณสถาน ประสาทเขาพนมรุ้ง สวยงามมาก แต่น่าเสียดายที่ลายแกะบางชิ้นได้หายไป โดยขโมย บรรยากาศวันนั้นร้อนมากแต่ทุกคนก็พยายามเก็บภาพเพื่อเป็นที่ระลึก
จากการไปดูงานที่จังหวัดสุรินทร์ เป็นเวลา 4วัน 3คืน ได้ประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆมากมาย ที่สามารถนำมาปรับใช้กับการดำรงชีวิตประจำวันในปัจจุบันได้ และได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชน และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่นอกเหนือจากในหนังสือ ได้สัมผัสกับบรรยากาศที่แท้จริง ซึ้งการดูงานครั้งนี้ถือเป็นความประทับใจที่น่าจดจำมากค่ะ


2 ความคิดเห็น:

  1. งานสุรินทร์ ภาพสวย เป็นกลุ่มก้อนสัมพันธ์กันดี
    -ถ้าได้สอดแทรกความประทับใจในทริปนี้ลงไปด้วย จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

    -ให้ระวังคำผิด มีอยู่หลายจุด เช็คใหม่อีกครั้งง แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง
    -เพราะเว็ปนี้เป็นเว็ปสาธารณะ ควรตรวจสอบก่อนโพสท์นะ

    ตอบลบ
  2. แก้ไขแล้วน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ